การลดภาวะโลกร้อน

การลดภาวะโลกร้อน


การลดภาวะโลกร้อนเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องช่วยกันทำ เราทุกคนก็ต่างมีส่วนที่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น เพราะเพียงแค่เราหายใจอยู่เฉยๆก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาแล้ว ยังไม่รวมถึงกิจกรรมต่างๆมากมายที่เราทำอยู่ทุกๆวัน ถึงเวลาที่เราต้องเลิกคิดว่าภาวะโลกร้อนไม่ใช่ธุระของเรา แล้วหันมาร่วมมือกัน..มาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาโลกร้อนกันเถอะ
ถ้าท่านคิดว่าการลดภาวะโลกร้อนนั้นมันทำได้ยาก หรือคิดว่าท่านคนเดียวช่วยโลกไม่ได้ หรือว่าจะทำตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นแล้ว ท่านกำลังคิดผิด!! ทุกอย่างที่เราทำจะส่งผลดีต่อโลก และมันยังมีเวลาอยู่ ถ้าไม่เริ่มที่ตัวเราก่อนก็ไม่รู้จะให้ไปเริ่มจากตรงไหน แค่เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างของเราทำอยู่ในวันๆหนึ่ง ก็สามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนได้แล้ว ผมจะยกตัวอย่างให้ดูซัก 10 ข้อ ผมเชื่อว่ามันใกล้ตัวทุกท่านมาก และสามารถลงมือทำได้เลยด้วยซ้ำ
1. ปรับ Desktop Wallpaper ของท่านให้เป็นสำเข้ม ยิ่งเป็นสีดำเลยยิ่งดี เพราะว่ามันจะประหยัดไฟมากกว่า รวมไปถึง Screen Saver ก็ให้ตั้ง Blank ไว้ มันจะเป็นหน้าจอดำสนิท ปิดคอมพิวเตอร์เมื่อไม่ได้ใช้งาน เช่น ตอนพักเที่ยง และตอนกลับบ้าน
2. พกผ้าเช็ดหน้า แทนที่จะใช้กระดาษทิชชู สมัยนี้มีกระดาษทิชชูห่อสวยๆพกง่ายๆออกมา หลายคนใช้มันแทนผ้าเช็ดหน้า เพราะว่ามันสะดวกและห่อมันก็น่ารักด้วย แต่กระดาษทิชชูผลิตมาจากต้นไม้ ยิ่งใช้มากก็ยิ่งต้องตัดมาก ถ้าไม่จำเป็นก็ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าดีกว่าครับ เก็บต้นไม้ไว้เป็นปอดให้กับโลกเราบ้างเถอะนะ
3. การชาร์ตแบตมือถือ การชาร์ตแบตมือถือของคนทั่วๆไปเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ถึง 95% เพราะว่ามักจะเสียบสายค้างไว้ทั้งๆที่แบตเต็มแล้ว ท่านรู้ไหมว่าถึงแบตจะเต็มแล้วแต่ว่าถ้าไม่ถอดออกมันก็จะยังกินไฟอยู่ ฉะนั้นเวลาแบตเต็มแล้วก็ให้ถอดสายออก แต่ถ้ายังเสียบหม้อแปลงกับเต้าเสียบค้างไว้มันก็ยังกินไฟอยู่ดี เพราะฉะนั้นก็ให้ถอดออกให้หมด
4. ประหยัดน้ำ อย่าใช้น้ำแบบสิ้นเปลือง ถ้ามีโอกาสได้เปลี่ยนก๊อกที่บ้าน ก็ให้ใช้ก๊อกน้ำแบบเพิ่มฟองอากาศ น้ำที่ไหลออกมาจะมีฟองอากาศออกมาด้วยทำให้ดูเหมือนมีน้ำเยอะ แต่จะประหยัดกว่าก๊อกธรรมดาถึงครึ่งหนึ่ง ถ้านึกไม่ออกให้ดูห้องน้ำตามห้าง น้ำที่ไหลออกมาจะเป็นแบบนั้น และเวลาใช้น้ำที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านเราก็ควรจะประหยัดด้วย ไม่ใช่คิดว่าของฟรี หรือเวลาไปพักตามโรงแรมก็อย่าคิดว่าใช้ให้คุ้ม เพราะว่าทำแบบนี้แหละโลกถึงร้อน
5. ประหยัดไฟ ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้และถอดปลั๊กด้วย รวมไปถึงหลอดไฟด้วย ถ้ามีโอกาสก็เปลี่ยนหลอดไส้เป็นหลอดประหยัดไฟ CFL ซะ ที่มันเป็นเกลียวๆ ถึงหลอดพวกนี้จะแพงกว่า แต่ก็ประหยัดไฟกว่ามาก แถมอายุการใช้งานก็ยาวกว่าเยอะ ซึ่งในระยะยาวก็จะคุ้มกว่าแน่นอน
6. ลดใช้ถุงพลาสติก ถุงพลาสติกทำให้เราสะดวกขึ้นก็จริง แต่มันเป็นภัยต่อโลกอย่างมากมาย กว่าถุงที่เราใช้จะย่อยสลายไป ตัวเรานั้นย่อยสลายก่อนมันไปนานแล้ว เพราะฉะนั้นเวลาที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใช้ แต่ถ้าต้องใช้จริงๆก็ให้เก็บไว้เพื่อนำไปใช้ครั้งต่อไปได้อีก เวลาจ่ายตลาดก็ให้ใช้ถุงผ้าแทน ถุงผ้าสวยๆก็มีออกมาขายกันเยอะแยะ
7. ลดอาหารแช่แข็ง อาหารแช่แข็งตอนนี้กำลังมีมากขึ้นเรื่อยๆ และก็เห็นมีคนนิยมบริโภคมากขึ้นเหมือนกัน แต่ท่านรู้ไหมว่าขั้นตอนการผลิตนั้นทำให้สิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก เพราะว่ากล่องที่ใส่ก็เป็นพลาสติก ขั้นตอนในการขนส่งก็ต้องเก็บไว้ในที่เย็นตลอดเวลา รวมไปถึงตอนที่อยู่ในร้านด้วย แม้กระทั่งตอนจะกินยังต้องใช้พลังงานในการอุ่นอีก เพราะฉะนั้นถ้าไม่จำเป็นก็อย่ากินเลยครับ มันสิ้นเปลืองพลังงาน กินของสดอร่อยกว่าอีก
8. ใช้จักรยาน เวลาที่ท่านไปทำธุระใกล้ๆบ้าน อาจจะไปซื้อของ จ่ายตลาด นอกจากจะประหยัดน้ำมันในยุคที่น้ำมันแพงแล้ว ยังช่วยให้ท่านได้ออกกำลังกาย มีสุขภาพที่ดีอีกด้วย ไม่ต้องไปเสียเงินเข้าฟิตเนสแพงๆ
9. ลดการ Shopping หลายคนนั้นการ Shopping เป็นอะไรที่มีความสุขเหลือเกิน แต่ก็ขอให้ลดการซื้อแบบสิ้นเปลืองลงบ้าง บางทีก็ซื้อๆไปอย่างนั้นแหละ แต่ก็ได้ใส่แค่ครั้งสองครั้ง บางชิ้นอาจไม่ได้ใส่ด้วยซ้ำ แต่อยากซื้อ..อะไรที่คิดว่าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องซื้อหรอกครับ เอาแค่อันที่เราจะใส่จริงๆ เพราะว่ามันต้องใช้พลังงานมากมายในอุตสาหกรรมพวกนี้
10. ปลูกต้นไม้ ผมว่ามนุษย์ทุกคนชอบธรรมชาติ เวลาที่เราได้เห็นสถานที่ที่มีธรรมชาติงดงาม ไม่ว่าจะเป็นป่าไม่ที่เขียวชอุ่ม น้ำใสๆ ชายหาดที่ขาวสะอาด เราจะรู้สึกสบายใจและชอบมัน แต่ว่าพวกเราก็ไม่ได้ช่วยกันรักษามัน เพราะฉะนั้นถ้ามีเวลาก็ให้ช่วยกันปลูกต้นไม้ อาจจะเป็นที่สวนหน้าบ้านได้ หรือมีเนื้อที่ตรงไหนก็ปลูกตรงนั้น ใส่กระถางไว้ก็ได้ นอกจากจะทำให้บ้านดูสวยขึ้นแล้ว ยังจะช่วยลดก๊าซพิษในอากาศได้อีกด้วย
ดังนั้นการลดภาวะโลกร้อนก็มีหลายวิธีอาทิเช่น
 วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีลดภาวะโลกร้อนโดยการลดใช้ทิชชูกันนะครับ เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว ผมได้เห็นโฆษณาตัวหนึ่งในทีวี พอดูจบแล้วรู้สึกสลดใจมาก มันเป็นโฆษณากระดาษทิชชูยี่ห้อหนึ่ง มีคนมาทำโน่นทำนี่หกเลอะเทอะ แล้วก็ทำอะไรอีกผมก็จำไม่ค่อยได้เพราะดูไปแค่รอบเดียว ทุกครั้งที่เค้าทำอะไรหกก็จะมีทิชชูยื่นเข้ามาให้ใช้อย่างเมามัน ทั้งๆที่เค้ารณรงค์ให้ช่วยกันลดภาวะโลกร้อนแต่โฆษณานี้กลับแหวกแนวผ่ายุคลดภาวะโลกร้อนออกมาได้ ทันทีที่ผมดูโฆษณาจบก็คิดได้ทันทีว่าบทความต่อไปต้องเกี่ยวกับการลดใช้ทิชชูอย่างแน่นอน ถ้าใครมีโอกาสได้ดูโฆษณาที่ผมพูดถึงก็อย่าไปทำตามแบบเค้าเนอะ เพราะว่ากระดาษทิชชูนั้นเราก็รู้ๆกันดีอยู่ว่ามันทำมาจากต้นไม้ ทั้งๆที่ตัวก่อมลพิษมีมากขึ้นทุกวันแต่ตัวฟอกอากาศอย่างต้นไม้กลับกลายมาเป็นกระดาษทิชชูให้เราใช้กันอย่างฟุ่มเฟือย รวมถึงใบปลิวที่แจกกันตามห้างตามสะพานลอย ที่เรารับมาบางทียังไม่ทันอ่านเลยแล้วก็ต้องทิ้งไป และอีกหลายๆอย่างเลยที่ทำมาจากกระดาษ
เวลาที่เราจะดึงทิชชูมาใช้ก็ให้พึงระลึกไว้เสมอว่ามันคือต้นไม้ที่ช่วยให้เราดำรงชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้ ไม่มีทิชชูเราไม่ตายแต่ว่าถ้าไม่มีต้นไม้ละก็คงไม่เหลือ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าห้ามไม่ให้ใช้ แต่เวลาใช้ก็อยากให้ใช้ให้คุ้มค่า เช่น เวลาทานอาหารแล้วจะใช้เช็ดปาก ก็ใช้แผ่นนึงให้คุ้มหน่อย พับไปพับมาให้ครบทุกด้าน ไม่ใช่ดึงเอาๆ ยิ่งทุกวันนี้กระดาษทิชชูถูกออกแบบให้ดึงง่ายอยู่แล้วด้วย โดยเฉพาะที่ร้านอาหารอย่าคิดว่ามันเป็นของฟรีแล้วก็ดึงใหญ่เลย สาวกันอย่างเมามัน พึงระลึกไว้เสมอว่ามันคือต้นไม้ๆๆๆ ส่วนถ้าเวลาอยู่บ้าน อันไหนที่ใช้ผ้าแทนได้ก็ให้ใช้ผ้าเถอะครับ อย่างเวลาทำน้ำหกถ้าใช้ทิชชูเช็ดให้แห้งหมดก็คงแย่ เพราะฉะนั้นให้เราใช้เวลาจำเป็นเท่านั้นนะครับ เพื่อที่จะได้ช่วยลดภาวะโลกร้อน จริงๆแล้วกระดาษทิชชูก็ไม่ได้เป็นของที่เราจะต้องใช้กันมากมายอยู่แล้ว
สุดท้ายนี้ผมมีเกร็ดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับกระดาษทิชชูมาฝากครับ (มาจากหนังสือเพราะว่าโลกร้อนมันจี๊ด) ผู้ผลิตทิชชูออกจำหน่ายรายแรก คือ นายโจเซฟ กาเย็ตตี้ นักธุรกิจชาวอเมริกัน วางขายในปี ค.ศ. 1857 (150 ปีที่แล้ว) แต่ปรากฏว่าเจ๊งครับ เพราะว่าคนสมัยนั้นเค้าคิดว่าทำไมต้องใช้กระดาษเพียงครั้งเดียวแล้วทิ้ง (แต่คนสมัยนี้ใช้เอาๆ) แต่หลังจากนั้น 20 ปี กระดาษทิชชูตราสก๊อตปรับปรุงใหม่นุ่มกว่าเดิมออกมาวางตลาด คนจึงเริ่มนิยมใช้จนถึงทุกวันนี้.. เพื่อนๆอย่าลืมนะครับ ทุกครั้งที่จะใช้กระดาษทิชชูให้ระลึกไว้ว่ามันคือต้นไม้ที่ให้ชีวิตเรา ถ้าท่านต้องการมีส่วนร่วมในการลดภาวะโลกร้อนแล้วล่ะก็ เพียงใช้ทิชชูให้คุ้มค่าก็ช่วยโลกได้แล้วล่ะครับ
การลดภาวะโลกร้อนกับตู้เย็นนั้น จะเกี่ยวข้องกันอย่างไรเรามาดูกันนะครับ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นในปัจจุบัน เพราะว่ามองไปบ้านไหนถ้าไม่มีตู้เย็นก็ถือว่าเป็นเรื่องแปลก แต่ว่าตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ที่กินไฟฟ้าอยู่มากเลยทีเดียว เพราะว่าต้องเสียบปลั๊กไว้ตลอดเวลา โดยเฉพาะตู้เย็นเก่าๆก็จะกินไฟมากกว่า แถมสารทำความเย็นในตู้เย็นนั้นก็ยังทำให้เกิดภาวะโลกร้อนอีกด้วย
แต่ถ้าจะให้เลิกใช้ตู้เย็นไปเลยก็คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเรามาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะดูว่าตู้เย็นแบบไหนที่เหมาะกับบ้านเรา และเราควรใช้งานตู้เย็นแบบไหนถึงจะเป็นผลดีต่อโลกมากที่สุด
การตั้งตู้เย็น
เราควรตั้งตู้เย็นให้ห่างจากฝาผนังซักประมาณ 15 เซนติเมตร ถ้าเราตั้งใกล้ผนังมากเกินไปจะทำให้ตู้เย็นระบายความร้อนออกได้ยาก ลองเอามือไปแตะๆผนังบ้านดู ถ้าตั้งใกล้ๆมันจะร้อน

แช่ของเท่าที่จำเป็น
ยิ่งเราแช่ของในตู้เย็นมากเท่าไหร่ ตู้เย็นก็จะทำงานหนักมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นอะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเอาไปแช่ ของที่แช่ไว้นานๆแล้วก็เอาออกมากินซะ ตู้เย็นจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก

อย่าแช่ของที่ยังร้อนๆอยู่
เราไม่ควรเอาของที่ยังร้อนอยู่เข้าไปแช่ในตู้เย็นทันที เพราะว่าจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักมาก ควรตั้งทิ้งไว้ข้างนอกก่อนให้มันหายร้อน แล้วก็ค่อยนำไปใส่ในตู้เย็น

ละลายน้ำแข็งเป็นประจำ
น้ำแข็งที่เกาะอยู่ในช่องแช่แข็งนั้น บางคนอาจจะนึกว่ามันดี แต่จริงๆแล้วมันทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นเราควรกดปุ่มละลายน้ำแข็งอยู่เป็นประจำ ไม่ให้มันเกาะหนาอยู่อย่างนั้น

เลือกตู้เย็นที่มีขนาดเหมาะสม
ไม่ควรเลือกตู้เย็นที่มีขนาดใหญ่เกินไป เพราะว่ามันจะกินไฟมากกว่าโดยไม่จำเป็น  ควรจะเลือกขนาดให้เหมาะกับการใช้งานของเรา เป็นการใช้พลังงานโดยคุ้มค่า ช่วยลดภาวะโลกร้อน

ตู้เย็นเก่าๆควรเปลี่ยน
เพราะว่าตู้เย็นเก่าๆเกิน 10 ปีนั้นกินไฟมากกว่า แถมยังใช้สาร CFCs ซึ่งทำลายชั้นโอโซน และทำให้เกิดภาวะโลกร้อนอีกตั้งหาก ตู้เย็นใหม่ๆจะถูกพัฒนาและทำให้กินไฟน้อยกว่า ซึ่งในระยะยาวจะคุ้มกว่าแน่นอน

ทีนี้เรามาดูเรื่องสารทำความเย็นกัน ใครกำลังจะซื้อตู้เย็นใหม่หรือกำลังคิดจะซื้อก็น่าจะอ่านไว้ เวลาไปเลือกจะได้เลือกถูกว่าแบบไหนช่วยลดภาวะโลกร้อนมากที่สุด
ตู้เย็นสมัยก่อนๆนั้นใช้สารซีเอฟซี CFCs (Chloroflurocarbons) ในการทำความเย็น ผมคิดว่าหลายคนคงเคยได้ยิน ตู้เย็นที่ใช้สารทำความเย็นอันนี้ไม่ควรใช้ เพราะว่ามันทำลายโอโซน และทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
ส่วนตู้เย็นที่ใช้สารเอชเอฟซี HFCs (Hydrofluorocarbons) ในการทำความเย็นก็จะดีหน่อย ไม่ทำลายชั้นโอโซน แต่สร้างก๊าซเรือนกระจกเทียบเท่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 1,200 เท่าเลยทีเดียว
ตู้เย็นที่ใช้สารเอชซี HCs (Hydrocarbons) อันนี้ไม่ทำลายชั้นโอโซน สร้างก๊าซเรือนกระจกเทียบเท่าคาร์บอนไดออกไซด์ 3-4 เท่าตัว เท่านั้น เพราะฉะนั้นเวลาเลือกซื้อตู้เย็นก็ควรดูอันที่ใช้สารเอชซีในการทำความเย็น และที่สำคัญก็ต้องเป็นเบอร์ 5 ด้วย เพื่อที่จะได้ประหยัดไฟ
ทีนี้เพื่อนๆก็ได้รู้แล้วว่าเวลาเลือกซื้อตู้เย็นควรจะดูอะไรบ้าง แค่เลือกซื้อตู้เย็นก็สามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนได้แล้ว ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ แล้วต่อไปผมจะนำเรื่องราวแบบนี้มาให้เพื่อนๆได้อ่านกันอีกนะครับ ถ้ามีอะไรก็คอมเม้นต์ทักทายกันได้นะครับ ขอบคุณครับ แล้วเจอกันใหม่
 การชาร์จแบตมือถือแบบช่วยลดภาวะโลกร้อน
  การช่วยลดใช้พลังงานเป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ เพื่อนๆรู้ไหมครับว่าการชาร์จแบตมือถือของคนทั่วๆไปนั้น เสียไฟฟ้าโดยเปล่าประโยชน์ถึง 95% ไปกับการเสียบสายชาร์จค้างไว้ ทั้งๆที่แบตเต็มแล้ว ถึงแบตจะเต็มแล้วแต่ว่ามันก็จะยังกินไฟตลอดถ้าเราไม่ถอดปลั๊กออก แต่ถึงแม้เราจะถอดสายออกจากมือถือแล้วก็ตาม แต่ถ้าไอ้เจ้าหม้อแปลงยังคงเสียบอยู่กับปลั๊ก มันก็ยังกินไฟอยู่เช่นกัน
เพราะฉะนั้นเวลาเราชาร์จแบตมือถือ หรือพวกโน๊ตบุ๊ค PDA อุปกรณ์ต่างๆ เมื่อแบตเต็มแล้วควรจะถอดปลั๊กออกเพื่อเป็นการประหยัดไฟที่จะสูญไปโดยเปล่าประโยชน์ และก็ช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่ง ถ้าแบตยังไม่ใกล้จะหมดก็อย่าเพิ่งชาร์จถ้าไม่จำเป็น รอให้มันใกล้หมดก่อน ทำแบบนี้จะช่วยรักษาอายุการใช้งานให้มากขึ้นด้วย ตอนนี้มีที่ชาร์จแบตพลังงานแสงอาทิตย์ออกมาวางขายแล้ว แต่คงยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ใครสนใจก็ลองไปซื้อมาใช้ได้นะครับ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ดีทีเดียว
  ลดใช้ถุงพลาสติก ลดภาวะโลกร้อน
 ถุงพลาสติกนั้นเป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ไม่ต้องใส่ถุงครับ/ค่ะ เป็นคำที่เราควรบอกกับพนักงานหรือแคชเชียร์ในซุปเปอร์มาร์กเก็ตเวลาที่เราซื้อสินค้าเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น บางคนเข้าไปซื้อน้ำขวดเล็กๆขวดนึงในร้านสะดวกซื้อ ใส่ถุงพลาสติกออกมา แล้วก็หยิบน้ำออกมาดื่ม ส่วนถุงก็ทิ้งตรงถังขยะที่ตั้งอยู่ตรงหน้าร้านนั่นแหละ เราดื่มน้ำหมดไปแล้ว แต่ถุงที่ใส่มันมาได้ไม่กี่วินาทีกว่าจะย่อยสลายนี่ปาไปถึง 100-1,000 ปีเลยทีเดียว ผมคนนึงแหละที่แต่ก่อนเคยทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมไม่ทำอีกแล้ว เคยคิดไหมว่าจะใส่ถุงทำไมให้มันเปลืองเนี่ย..
เรามาช่วยกันลดภาวะโลกร้อนโดยการที่ตอนซื้อของเล็กๆน้อยๆก็บอกพนักงานเค้าว่าไม่ต้องใส่ถุง ไม่ต้องอายหรอกครับ ผมว่าดูดีซะมากกว่า เมื่อก่อนนี้ผมจำได้ว่าเวลาไปซื้อของตามซุปเปอร์ มาร์กเก็ตต่างๆ พนักงานเค้าจะใช้ถุงเปลืองมากๆ แยกใส่ของตามแต่ละประเภท ประมาณว่าเงินค่าจ้างที่จะได้ มาจากจำนวนถุงพลาสติกที่ใช้ในแต่ละวันเลย (แฮะๆ ล้อเล่นนะครับ) แต่ว่าเดี๋ยวนี้ก็ลดการใช้มากกว่าแต่ก่อนแล้ว มันก็เป็นเรื่องดีที่ทุกฝ่ายหันมาสนใจในการช่วยกันลดภาวะโลกร้อนกันมากขึ้น
ไม่ใช่แต่เฉพาะถุงพลาสติกเท่านั้น ถุงกระดาษที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ รู้ไหมว่ามันทำลายธรรมชาติยิ่งกว่าถุงพลาสติกซะอีก เพราะว่ากระดาษนั้นทำมาจากต้นไม้ และกระบวนการผลิตนั้นก็ทำให้เกิดมลพิษอย่างมาก เวลาที่ไปซื้อของในห้าง ในร้านหรูๆ เค้ามักจะใช้ถุงกระดาษ ซื้อหลายร้านก็ยิ่งหลายถุง -_-” ผมมีตารางมาเปรียบเทียบมาให้ดู ระหว่างถุงพลาสติกกับถุงกระดาษนะครับ